ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) หมู่บ้านมรดกโลกของญี่ปุ่นที่ทุกๆคนจะรู้จักในโทนฤดูหนาวมีหิมะขาวๆทั้งหมู่บ้าน แต่รอบนี้เรามาที่นี้ในฤดูร้อนความประทับใจไม่ต่างกันแถมน่ารักแบบอุ่นๆ..
” ชิราคาวาโกะ หมู่บ้านมรดกโลก ในฤดูร้อนที่ไม่ร้อนอย่างที่คิด อบอุ่นมีลมหนาวเบาๆ “
เรื่องเล่า ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
ถ้าหากพูดถึงสถานที่ฟีลหมู่บ้านชนบทในญี่ปุ่น เราจะนึกถึง หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)เป็นอันดับต้นๆ หมู่บ้านนี้ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของวัฒนธรรมมนุษย์ ขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งสถาปัตยกรรม วิธีการก่อสร้าง หรือการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งเสื่อมสลายได้ง่ายจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมตาม กาลเวลา บ้านแต่ละหลังมุงหลังคาทรงสูง เพื่อให้ทนทานต่อปริมาณหิมะในช่วงฤดูหนาว ภายในมีห้องใต้หลังคาที่กว้างขวางสำหรับเลี้ยงหนอนไหม
วิธีเดินทาง Takayama > Shirakawa-go ด้วย Nohi Bus
สำหรับการเดินทางไป ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) เราเริ่มจากเมืองทาคายาม่า (Takayama) ด้วยรถบัส Nohi Bus ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆครับราคาประมาณ 2,400 เยน ระหว่างทางเราจะได้เห็นวิวของธรรมชาติเขียวๆตลอดทาง รถอาจะมีขับแกว่งๆนิดหน่อยแต่ไม่ถึงขั้นเมารถครับ รอบแรกของรถจะเริ่มที่ 8:50am เราก็ไปรอบนี้เลยแนะนำว่าระหว่างทางพกน้ำดื่มจิบๆไปเรื่อยๆนี้ฟินสุดๆ สามารถดูตารางเดินรถได้ที่นี้จ้า
Shiroyama Viewpoint ที่ไม่ควรพลาด
จุดชมวิว Shiroyama Viewpoint สามารถนั้ง Shuttle Bus ขึ้นมาได้เลย บอกได้เลยว่ามุมนี้ดีมาก มันเขียวสะใจจริงๆ เห็นทั้งภูเขา ท้องฟ้า แต่เรามาในช่วงที่ทุ่งนาจะไม่ขึ้นเข้าไรเลยได้เห็นบ่อนาซะส่วนใหญ่ บางคนก็เอาข้าวกล่องง่ายๆมาปิกนิกกันที่นี้ด้วย ขาลงเราเดินลงมาครับประมาณ 15นาที หรือถ้าใครไม่อยากเดินก็รอ Shuttle Bus ที่ป้ายเดิม
ฟีลหน้าร้อนเป็นยังไงบ้าง?
หน้าร้อนของญี่ปุ่นถ้าอยู่ในตัวเมืองนี้จะร้อนมากๆ ร้อนแบบสุดๆ แต่ถ้าสำหรับในหมู่บ้านนี้เราว่าอากาศกำลังดีไม่ถึงขั้นร้อนจนเดินดูสิ่งต่างๆไม่ได้ครับ อาจจะเพราะประเทศไทยของเรามันร้อนตลอดเวลา
หน้าร้อนที่หมู่บ้านควรใส่เสื้อแบบไหนดี?
สำหรับทริปนี้เราไปช่วงต้นหน้าร้อนครับ ประมาณต้นเดือนกรกฎาคม ภายในเมืองทาคายาม่านี้ร้อนระอุมากๆ แต่พอมาถึงหมู่บ้านชิราคาวาโกะแล้วต้องขอบอกเลยว่า มันก็ไม่ได้ร้อนมากนะแอบมีลมเย็นๆผ่านอยู่ตลอดเวลาอาจจะเพราะเราถึงเช้ามากได้วย การแต่งตัวที่อยากแนะนำคือ ถ้าใครเป็นคนขี้ร้อนไม่กลัวหนาว เเสื้อยืนสบายๆจัดได้เลย แต่ถ้าสายกลัวหนาวพกเสื้อหนาวบางๆติดตัวมาก็ได้ครับ ขอสไตล์มินิมอลนะ เพราะถ้าจะถ่ายรูปที่นี้แนะนำเลยว่า โทนมินิมอลถ่ายกับบ้านเรือนแล้วขึ้นมากๆ เจปังสุดๆ
ความประทับใจระหว่างทาง เราเจอแก๊งค์ผู้สูงอายุมาเที่ยวกันทุกคนดูแฮปปี้และมีความสุข และเขาก็โยกๆมือแล้วบอกว่า Photo Photo เราก็เลยจัดไปสักรูปให้แก๊งค์ๆป้า พวกยายๆทำให้รู้เลยว่าญี่ปุ่นเข้าสู่วัยผู้สูงอายุมากขึ้นจริงๆ และสดใสมากๆ
ช่วงที่เราไปเป็นช่วงเช้า ใครที่นอนที่นี้ก็จะเริ่มออกมาหาอะไรกินตามโซน Ogimachi Park จะมีร้านอาหารและขายของฝากต่างๆครับ
ในช่วงหน้าร้อนเขาจะเริ่มมีการปลูกผักหรือผลไม้ต่างๆฟีลก็จะแตกต่างจากหน้าหนาวเลย
การมาที่นี้เหมือนเรามา เยื่ยมเยือนบ้านของเขา ขอแนะนำทุกคนว่าถ่ายรูปได้ตามสบายแต่ต้องระวังอย่าไปทำให้ต้นไม้หรือดอกไม้ที่เขาปลูกไว้ต้องเสียหายนะครับ อย่าไปเด็ดนั้นดีที่สุดครับ
เจอเจ้าชิบะ หมาน้อยที่ขี้เล่นมากๆครับ ถ้าสังเกตุจะเห็นว่าบางคนก็ยังหนาวๆอยู่
ความโด่ดเด่นสำหรับหมู่บ้านนี้คือ บ้านเรือนของที่นี้มีความเป็นญี่ปุ่นชนบทแบบที่เราเห็นในหนังเลยครับ ที่สำคัญ ถ่ายรูปกับบ้านพวกนี้บุ้ป เจปังขึ้นมาทันที่!
มีคาเฟ่เล็กๆโฮมเมดๆให้เราได้เข้าไปลองด้วย
ต้องขอบอกเลยว่า ระหว่างทางเราจะเจอผู้คนยืนถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน เพราะอากาศที่ไม่ร้อนมาก บวกกับความสวยงามสไตล์ชนบทของหมู่บ้านนี้ ทำให้เรารู้สึกถึงความผ่อนคลาย
และเราก็ได้มาลองร้านอาหารของที่นี้ ต้องบอกได้เลยว่าจำชื่อร้านไม่ได้ แต่ความเด็ดคือ เนื้อที่เราได้กินมันคือเนื้อที่มานาบกับหินร้อนๆที่เขาให้มาในชุด และก็ทานกับข้าวญี่ปุ่น
จบแล้วครับสำหรับ Oneday trip ที่หมู่บ้านชิราคาวาโกะ บอกได้เลยว่าฤดูร้อนก็ดี สามารถไปได้ไม่ต่างจากฤดูหนาวเลย ที่สำคัญอากาศดีมากๆ สิ่งที่ผมยังคงประทับใจอยู่เสมอกับที่นี้คือ ความน่ารักของผู้คนในหมู่บ้านและอากาศในวันนั้น แรกๆคิดว่าจะร้อนจัดแสบแขนแน่ๆ แต่พอมาถึงแล้วเห่ยมันไม่ได้ร้อนขนาดนั้นจริงๆ
ถ้าชอบอย่าลืม กด Like กด Share กันด้วยนะขอขอบคุณที่ติดตามนะครับ
เรายังมีสถานที่อื่นๆในญี่ปุ่นอีกที่อยากจะแนะนำทุกคน ขอเวลาเขียนสักหน่อยนะครับ
Leave a Reply